Monday, June 10, 2013

พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ....“เงิน เงิน เงิน ของสาววัยทีน”






“เงิน เงิน เงิน ของสาววัยทีน”




เขียนโดย น.ส. ศรีไพร ศรีพนมวรรณ
นักศึกษาฝึกงานภายใต้โครงการซิตี้-ครูไทยพอเพียง 



เด็กผู้หญิงเมื่อเริ่มโตเป็นสาววัยทีน ย่อมต้องรักความสวยความงามเป็นชีวิตจิตใจเป็นเรื่องธรรมดา  นอกจากจะเป็นไปตามวัยแล้ว เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะสาวๆ สามารถนำความสดใสและน่ารักมาต่อยอด เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง โดยผ่านงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา หรือเป็นสาวพริ้ตตี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ  ซึ่งเด็กสาววัยทีนนี้ล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ดึงดูด หากแต่ในบางครั้งมีการใช้จ่ายมากเกินไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่างๆ
 
  •          ใช้เงินแบบไม่รู้จักคุณค่าของเงิน
เด็กสาววัยทีนมักจะชอบไปช้อปปิ้ง เลือกซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ นาฬิกา รองเท้า ยี่ห้อ            แบรนด์เนมตามแฟชั่น หรือไปดูภาพยนตร์เรื่องดังกับเพื่อนๆ จนลืมคิดไปว่า.. เงินที่กำลังใช้จ่ายไปนั้นได้มาจากรายได้ของผู้ปกครองที่ส่งมาให้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน  โดยไม่คำนึงถึงผู้ปกครองเลยว่า ท่านจะต้องทำงานหนักมากแค่ไหนที่ต้องหาเงินมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด สำหรับลูกๆ เองนั้น ก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไปว่า ตนเองกำลังเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองมากขึ้นไปอีก
 
  •         วัยทีนก็อินเทรนด์แบบประหยัดได้
เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้สาวๆ วัยทีน มีเงินเก็บออมมากขึ้น สามารถทำได้โดย:
 
1. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น ค่าตั๋วภาพยนตร์ ค่าทำผม ค่าทำเล็บ ค่าขนม ค่าเครื่อง    สำอางค์ ค่าหนังสือการ์ตูน ค่าโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เป็นต้น ทั้งนี้ ตัวผู้เขียนเองก็เป็นเด็กสาววัยทีนคนหนึ่ง ปัจจุบันอาศัยอยู่หอพักใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัย จึงขอฝากเทคนิคส่วนตั๊วส่วนตัวในการลดค่าใช้จ่าย ดังนี้:

     -ลดมื้ออาหารพิเศษตามห้างสรรพสินค้าลง หันมาทานอาหารที่มีคุณภาพแต่ราคาประหยัดแทน เช่น ร้านอาหารตามสั่ง หรือการซื้ออาหารมาทำทานเองที่หอพัก ประหยัดได้อาทิตย์ละ 200 บาท
 
     -ลดการดื่มน้ำอัดลมระหว่างมื้ออาหาร จากเดิมต้องทานน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่าทุกมื้ออาหาร แต่ปัจจุบันจะแทนเฉพาะบางวันที่ร้อนและเหนื่อยมากจริงๆ ทำให้ประหยัดไปได้อาทิตย์ละ 70 บาท
 
    -ลดกิจกรรมในการสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในยามว่าง เช่น การดูภาพยนตร์ และปาร์ตี้กับหมู่แก็งค์ ทำให้ประหยัดไปได้ถึงอาทิตย์ละ 300 บาท
 
    -ลดการช้อปปิ้งซื้อกระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางค์ลง โดยจะรอให้หมดหรือพังจริงๆ ก่อนค่อยซื้อ พอกันทีสำหรับการตามกระแสแฟชั่น เปลืองเงินโดยใช่เหตุ ทำให้มีเงินออมมากขึ้นอีก 300 บาทต่ออาทิตย์
 
    -ลดการซักผ้าที่ใช้เครื่องซักทุกอาทิตย์ หันมาซักด้วยตนเองเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายลงไปอีกประมาณ 100 บาทต่ออาทิตย์
 
    -นั่งรถเมล์ไปเรียน จากเดิมเคยนั่งรถแอร์ราคา 12 บาทตลอดสาย ไม่เคยนั่งรถพัดลมเลย จึงเปลี่ยนใหม่โดยนั่งรถแอร์ 2 วัน รถพัดลมอีก 3 วัน ทำให้มีเงินเหลือหยอดกระปุกอีกวันละ 8 บาท หรือ 40 บาทต่ออาทิตย์

2.  เพิ่มรายได้ สาววัยทีน ย่อมมีเวลาว่างหลังเลิกเรียน หรือปิดเทอมค่อนข้างมาก ดังนั้น ทำไมเราจึงไม่ลองหางานพิเศษทำเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเองกันล่ะ เทคนิคการเพิ่มรายได้เริ่มจาก:
 
     -ค้นหาว่าตนเองชอบทำอะไร หรือมีความถนัดพิเศษในเรื่องใด แล้วจึงรับจ้างทำงานพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เช่น พิมพ์ดีดเร็ว จึงรับจ้างพิมพ์รายงานจากเพื่อนหรืออาจารย์ ร้องเพลงเพราะ จึงไปรับจ้างร้องเพลงตามร้านอาหาร วาดรูปหรือถ่ายรูปเก่ง ก็รับงานวาดรูป หรือถ่ายรูป ตามแต่ความถนัดของตนได้
 
     -หากยังค้นหาตนเองไม่เจอ ว่าตนเองถนัดอะไร ชอบงานประเภทไหน ก็สามารถหางานพิเศษตามร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ หรือห้างสรรพสินค้า ตามตำแหน่งที่เค้าเปิดรับสมัครนักศึกษาทำงาน Part-time เช่น พนักงานเสิร์ฟ พนักงานขายตั๋วภาพยนตร์ พนักงานผู้ช่วยตามห้างสรรพสินค้า  เป็นต้น สำหรับตัวผู้เขียนเองนั้นจัดอยู่ในข้อนี้ กล่าวคือ ไม่มีเรื่องใดที่ถนัดเป็นพิเศษ จึงต้องทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเนื้อย่างเกาหลีใกล้มหาวิทยาลัย ได้ค่าตอบแทนวันละ 150 บาท โดยเริ่มงานเวลาประมาณ 18.00 น. เลิกงานประมาณ 22.30 น. ของทุกวัน ทำให้มีเงินออมเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณเดือนละ 3,800 บาทต่อเดือน


เทคนิคของผู้เขียนเกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มรายได้ตามข้างต้นนั้น สามารถทำให้มีเงินออมมากขึ้นไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของผู้เขียนว่า.. จะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนของตนเองให้ได้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้อีกทางหนึ่ง สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอฝากแง่คิดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า  สาววัยทีนควรใช้ สติมากกว่าใช้ สตางค์ในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งการฝึกนิสัยยับยั้งชั่งใจในการไม่ซื้อของตามใจชอบของตัวเองให้ได้มากขึ้นเท่าใด ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในกระเป๋าได้มากขึ้นเท่านั้น  และย่อมมีโอกาสที่จะสามารถเก็บเงินออมได้สักก้อนเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย



No comments:

Post a Comment