Monday, June 10, 2013

พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ....เคล็ด(ไม่)ลับ เพิ่มเงินออมในกระเป๋าสตางค์



พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ....เคล็ด(ไม่)ลับ เพิ่มเงินออมในกระเป๋าสตางค์

เขียนโดย สุวิภา ฉลาดคิด ผู้ช่วยที่ปรึกษา โปรแกรมการพัฒนาเศรษฐกิจ ธุรกิจ 
และผู้ประกอบการ

พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการออมเงิน หลายคนมักจะประสบกับปัญหาการเก็บเงินไม่อยู่ เงินมักจะชอบทยอยบินลอยออกจากกระเป๋าเราเสียจริงๆ ดังนั้น เราจึงมีเคล็ดลับ แต่ไม่ลับอีกต่อไป เพราะจะมาเปิดเผยเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยอุดรูรั่วของกระเป๋าสตางค์ และยังช่วยเพิ่มเงินออมในกระเป๋าเราอีกด้วย

     การมีสติในการใช้จ่าย ทุกครั้งที่เงินกำลังจะบินออกจากกระเป๋าสตางค์เรา เราต้องนับ 1-10 ในใจ และถามตัวเองก่อนเสมอว่า.. ของที่จะซื้อจำเป็นสำหรับเราจริงๆ หรือเปล่า ถ้าเราไม่ซื้อ เราสามารถนำเงินไปทำอะไรอย่างอื่นที่มีประโยชน์ได้มากกว่าการซื้อของสิ่งนี้หรือไม่ วิธีการถามตัวเองนี้ จริงๆ แล้วเป็นการทบทวนความคิด เพื่อก่อให้เกิดการไตร่ตรองก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต จะต้องคิดทบทวนหลายตลบสักหน่อย เนื่องจากเรากำลังใช้เงินในอนาคตของเราอยู่นั่นเอง วิธีการที่ดีที่สุด คือ ควรเก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถนำไปซื้อของสิ่งนั้นได้ และจะได้ไม่เป็นการสร้างนิสัยการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย หากใช้บัตรเครดิตโดยไม่ระวัดระวังแล้ว จะมีโอกาสสูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามรอบระยะเวลาที่สถาบันการเงินเรียกเก็บ

การทำบัญชีรายรับรายจ่าย หากเราไม่รู้ว่า กระเป๋าสตางค์เรามีรูรั่วตรงไหน แล้วเราจะอุดรูรั่วได้อย่างไรเล่า ดังนั้น เราต้องหารูรั่วของกระเป๋าสตางค์เราให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก โดยวิธีการที่แสนง่าย นั่นก็คือ การจดบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย จด จด จด และก็จดให้ละเอียดว่าในแต่ละวัน เรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพื่อคอยสังเกตุพฤติกรรมการบริโภคของเรา จากนั้นนำมาสรุปผลและวิเคราะห์ เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนตามแต่ความสะดวก แล้วเราก็จะเห็นว่า เราสามารถลดค่าใช้จ่ายใดลงได้บ้าง ทีนี้หล่ะ เงินของเราก็จะไม่บินหายไปในสิ่งที่ไม่จำเป็น อยู่ดีๆ เงินก็สามารถเพิ่มขึ้นมาในกระเป๋าสตางค์เราได้ซะอย่างนั้น

การมีวินัย สาเหตุหลักที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถเก็บเงินออมได้ เนื่องจากขาดวินัยในการออมนั่นเอง เรามักจะให้เงินบินออกจากกระเป๋าสตางค์แบบง่ายเกินไป เรียกว่า ใช้จ่ายเงินที่ได้มาแบบไม่คิดถึงวันข้างหน้า มีเท่าไหร่ก็ใช้ไปเรื่อยๆ เงินหมดก็กู้ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างวินัยขึ้นมา โดยการบังคับให้ตัวเองต้องออมเงิน ประมาณ 10% ของรายได้ แต่ละเดือนหรือทุกครั้งที่มีรายได้เข้ามา เราต้องหักไว้ก่อน 10% เพื่อกันไว้เป็นเงินออม ต้องทำแบบนี้เป็นประจำและสม่ำเสมอ ทำจนติดเป็นนิสัย ซึ่งเหลือส่วนที่เหลืออีก 90% นั้น จึงนำมาใช้จ่ายได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าเดือนนี้คุณได้รับเงินเดือน 10,000 บาทให้คุณ(รีบ)หักไว้เป็นเงินออมเลยทันที 1,000 บาท วิธีนี้จะทำให้เรามีเงินออมไว้ในกระเป๋าเราอย่างแน่นอน ฉะนั้น ต้องหมั่นเตือนสติตนเองไว้เสมอว่า หากมีวินัยในการออมเงินได้เร็วเท่าไร ก็สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วเท่านั้น

การสำรองเงินเผื่อฉุกเฉิน หากเราผ่านด่านการมีวินัยในการออมเงินมาได้แล้ว เราต้องคำนึงถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น เราต้องเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงินแบบกะทันหันไว้ด้วย ซึ่งเงินก้อนนี้ควรจะเป็นเงินหลังจากส่วนที่หักเงินออมไว้แล้ว 10% และก่อนนำไปใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งนี้ ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อยที่สุดเท่ากับค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมกัน 3-6 เดือน ซึ่งควรเก็บไว้ในรูปแบบที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และมีสภาพคล่องสูงเพื่อสามารถเบิกออกมาใช้ได้ยามที่เราต้องการ เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินที่สามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ

ผู้เขียนมีความเชื่อมั่นว่า หากคุณลองนำเคล็ดไม่ลับเหล่านี้ไปลองปฏิบัติดู เงินในกระเป๋าสตางค์ของคุณจะต้องเพิ่มพูนขึ้นมาจนทำให้คุณประหลาดใจทีเดียวหล่ะ


No comments:

Post a Comment