28 กรกฎาคม 2557 กรุงเทพฯ- มูลนิธิซิตี้
ร่วมกับสถาบันคีนันแห่งเอเซีย จัดเวทีเสวนาระดมสมองเรื่อง “การพัฒนาทักษะชีวิต
เรื่องความรู้ในการบริหารการเงินส่วนบุคคล” ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา
ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักภายใต้การดำเนินโครงการวิจัย “คนไทยก้าวไกล
ใส่ใจการเงิน” ซึ่งสนับสนุนโดยมูลนิธิซิตี้
โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการศึกษา อาทิเช่น
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
รวมทั้งหน่วยงานที่สนับสนุนและผลักดันเรื่องการให้ความรู้ทางเงินต่างๆ เช่น
ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้แทนเยาวชนจากทั่วประเทศมาร่วมระดมสมอง
เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม และร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล
รวมทั้งเสนอแนะช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่กลุ่มเยาวชนไทย
นางสาวหัสญา
หาสิตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์
ในฐานะผู้แทนจากมูลนิธิซิตี้ กล่าวถึงผลจากการประชุมระดมสมองว่า ในปัจจุบัน นักเรียนนักศึกษามีการเรียนเชิงทฤษฎีค่อนข้างมาก
แต่ขาดการประยุกต์ใช้
รวมทั้งการไม่ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความรู้ด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคลเท่าที่ควร
สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากวิธีการเรียนการสอน และสื่อการเรียนการสอนที่มีเนื้อหาเรื่องการบริหารการเงินที่ค่อนข้างยากและห่างไกลจากชีวิตประจำวันของเยาวชน
ส่งผลให้ เด็กส่วนใหญ่ไม่พร้อมจะนำความรู้ด้านการเงินมาประยุกต์ใช้ สภาวะสังคมแวดล้อมและครอบครัวก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมและทัศนคติในการดำรงชีวิตและการจับจ่ายใช้สอยของเยาวชน
นอกจากนี้ สังคมปัจจุบันที่อยู่ภายใต้ระบอบบริโภคนิยม วัฒนธรรมการเลียนแบบ และความต้องการการยอมรับจากสังคม
ก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของเยาวชนไทยด้วยเช่นกัน
นางสมสมร วงศ์รจิต นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(สกอ.) กล่าวว่า “ครอบครัวเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการปลูกฝังและอบรมเยาวชน
ให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการบริหารการเงิน” ภายใต้สังคมทุนนิยม
สื่อถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเพื่อเร่งเร้าให้เกิดการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชน
ซึ่งเด็กๆ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำคัญของธุรกิจต่างๆ นอกจากนี้ วัฒนธรรมการเลียนแบบและความต้องการการยอมรับจากสังคมหรือกลุ่ม
ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความต้องการในการบริโภคสิ่งที่ไม่จำเป็น
จนทำให้สิ่งที่ไม่จำเป็นกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเยาวชน และเนื่องด้วยสถาบันครอบครัวของสังคมไทยที่มีขนาดเล็กลง
ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมการอบรมและปลูกฝังของผู้ปกครอง ซึ่งอาจเลี้ยงดูเยาวชนแบบตามใจมากขึ้น
หากแต่ยังขาดการปลูกฝังให้เยาวชนมีภูมิคุ้มกันต่อปัจจัยเร่งเร้าภายนอกอย่างเพียงพอ
อันจะส่งผลให้เยาวชนขาดทักษะในการใช้ชีวิตและง่ายต่อการถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนเยาวชนจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ร่วมกันเสนอแนะทางออกสำหรับการดำเนินกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนนักศึกษาในแต่ละกลุ่มไว้อย่างน่าสนใจว่า
เพื่อกระตุ้นความสนใจในการเรียนรู้เรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคล ประเด็นแรก
เรื่องสื่อการเรียนการสอน ควรเน้นการทำกิจกรรม ปรับรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาหลักสูตรให้เป็นรูปภาพมากกว่าข้อความเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ
รวมทั้งการปรับวิธีการและกระบวนการให้ความรู้ จากที่เคยท่องจำเป็นการกระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ประเด็นที่สอง เพื่อปรับพฤติกรรมและทัศนคติต่อการบริหารการเงินแก่เยาวชน การสร้างบุคคลต้นแบบที่ได้รับการยอมรับจากสังคมก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
ที่จะทำให้เด็กๆ เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบจากตัวอย่างที่ดี
รวมทั้งการสรรหาผู้แทนเยาวชนต้นแบบ เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์และรณรงค์เรื่องความรู้ทางการเงินแก่กลุ่มเยาวชน
ประเด็นที่สาม การส่งเสริมกิจกรรมนอกห้องเรียน เพื่อฝึกฝนทักษะด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล
เช่น การประกวดโครงการ การแข่งขันทางวิชาการ และการอบรมเสริมสร้างผู้นำ ประเด็นที่สี่
เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของเงินและการบริหารเงิน การทำงานระหว่างเรียนหรือธุรกิจจำลองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ
ซึ่งสามารถสร้างการตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความยากลำบากของการได้เงินมา ประเด็นที่ห้า ไม่ใช่เพียงแค่สถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น
ที่จะต้องเข้ามาดำเนินการ หากแต่สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญ
ควรเป็นภาคส่วนหลักในการปลูกฝังให้เยาวชนเห็นถึงคุณค่าของเงินและความสำคัญในการบริหารการเงิน
ดังนั้น หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนนักเรียนนักศึกษา จึงเห็นควรว่า พ่อแม่ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในกิจกรรมการให้ความรู้เรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคลสำหรับเยาวชน
นอกจากนี้ นายรัชชพล เหล่าวานิช ผู้ดำเนินรายการด้านการเงิน มันนี่
เมคโอเวอร์ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงเรื่องสื่อโฆษณา ว่า “การควบคุมสื่อโฆษณาที่เร่งเร้าการบริโภคในทิศทางที่สร้างหนี้สินแก่บุคคลก็ควรได้รับการป้องปราม
และควรมีการออกมาตรการป้องกันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ
เพื่อเผยแพร่ความรู้และการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของเรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคลในวงกว้าง
จึง เสนอให้มีช่องทีวีดิจิทัลสาธารณะที่ให้ความรู้เรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคลโดยเฉพาะ
เพราะนอกจากจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลแก่ประชาชนโดยส่วนใหญ่แล้ว
ยังทำให้ประชาชนรู้สึกคุ้นเคยและไม่คิดว่าเรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ไกลตัว”
เหนือสิ่งอื่นใด
เพื่อให้คนไทยและเยาวชนไทยมีภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตที่เข้มแข็ง
พ้นจากวงจรแห่งหนี้สิน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทุกคนเห็นพ้องกันว่า ควรผลักดันให้เรื่องความรู้ด้านการบริหารการเงินเป็นหนึ่งในวาระแห่งชาติ
มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน และมีองค์กรหลักอันจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการควบคุม
เผยแพร่ รณรงค์ และสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ด้านการเงินต่อไป
********************************************
ซิตี้
ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า
200 ล้านราย ในกว่า
160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล
(สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ)
ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ
รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง
ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.citigroup.com | ทวิตเตอร์: @Citi
| ยูทูป: www.youtube.com/citi |
บล็อก: http://new.citi.com
| เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/citi | ลิงก์อิน:
www.linkedin.com/company/citi
มูลนิธิซิตี้
มูลนิธิซิตี้มีภารกิจในการเสริมสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนต่างๆ
ทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมด้านการมีส่วนร่วมและเข้าถึงด้านการเงิน (financial
inclusion) เราประสานงานกับพันธมิตรชั้นนำเพื่อให้เกิดการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจที่วัดผลได้แก่ครอบครัวและชุมชนที่มีรายได้น้อย ทั้งนี้
มูลนิธิซิตี้ดำเนินงานในลักษณะที่มากกว่าการบริจาคเงิน
โดยใช้ศักยภาพและต้นทุนด้านบุคลากรจากธุรกิจของซิตี้ในแต่ละประเทศเพื่อเพิ่มคุณค่าและผลกระทบในโครงการที่มูลนิธิฯ
ให้การสนับสนุน
ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลนิธิซิตี้ได้ที่ www.citifoundation.com
สถาบันคีนันแห่งเอเซีย
สถาบันคีนันแห่งเอเซีย
ให้บริการในการบริหารโครงการ ให้คำปรึกษา จัดการฝึกอบรม
รวมถึงดำเนินการวิจัยให้แก่ ภาคธุรกิจ รัฐบาล และ กลุ่มองค์กรระหว่างประเทศ
สถาบันคีนันฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการ
การพัฒนาเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ นวัตกรรมการศึกษาและเยาวชน การสาธารณสุข
การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และ ความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่า
18 ปีในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทำให้สถาบันคีนันฯ ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการ และบริหารจัดการโครงการ
รวมเป็นมูลค่ากว่า 46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากภาคธุรกิจ รัฐบาล
และ กลุ่มองค์กรระหว่างประเทศ ท่านสามารถอ่านรายละเอียดข้อมูลของกิจกรรมต่างๆได้ที่
เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/kenaninstituteasia | ลิงก์อิน: www.linkedin.com/company/kenan-institute-asia
No comments:
Post a Comment