สวัสดีคุณผู้อ่าน Ministry of Learning ทุกท่าน ผมได้ติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับการพยากรณ์เศรษฐกิจในช่วงเวลาข้างหน้านี้ทั้งจากนักวิเคราะห์ นักลงทุน ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าแนวโน้มอาจจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ให้ความเห็นคล้าย ๆ กันว่า “ฝึด”
เมื่อความท้าทายเพิ่มขึ้นโอกาสก็จะแพงขึ้นไปด้วย การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ผมอยากให้คุณผู้อ่านลองนึกย้อนไปถึง “โอกาส” ที่เราได้พบเจอใครบางคนแต่เรากลับพลาดปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าเราไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับบุคคลที่เป็นผู้ถือโอกาสนั้น ว่าเราจะแก้ตัวอย่างไรหากมีโอกาสใหม่ ๆ เข้ามาอีกครั้ง
ผมได้อ่านหนังสือเรื่อง “วิธีพูดกับทุกคนในทุกสถานการณ์” ซึ่งแปลมาจากหนังสือต้นฉบับที่ชื่อว่า How to talk to anyone ของ Leil Lowndes แปลโดยสำนักพิมพ์ We Learn ว่าเราจะมีเทคนิคในการสร้างความประทับใจแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยสร้างโอกาสที่ดีทั้งต่องานหรือการติดต่อธุรกิจ และ เพื่อเป็นมารยาททางทรัพย์สินทางปัญญา ผมจะเล่าผ่านสิ่งที่ผมเรียนรู้ในบริบทไทย ๆ ว่า เราจะสามารถสร้างความประทับใจได้ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ 5 ประการดังนี้
เคล็ดลับ#1 ยิ้มให้ได้ การยิ้มเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาสที่ง่ายที่สุด ยิ่งคนไทยเรายิ้มเก่งจนเป็น Branding ของโลกไปแล้ว เพราะการยิ้มเป็นภาษาสากลที่บ่งบอกความเป็นมิตร แต่ยิ้มแบบไหนที่จะเหมาะอันนี้ต้องมาคุยกันสักหน่อย
ความสำคัญของการยิ้มให้ได้ไม่ใช่อยู่ที่การยิ้มมากยิ้มน้อย เห็นหรือไม่เห็นฟัน แต่อยู่ที่ความจริงใจและ “ยิ้มให้ถูกเวลา” นั่นคือหากเราต้องการสร้างความประทับใจให้ใครก็ตาม ก่อนยิ้ม แตะเบรคเล็กน้อย และ ยิ้มให้คน ๆ นั้นเห็นตอนที่เรา “กำลังจะยิ้ม” จะเพิ่มพลังให้ยิ้มของเราได้มากกว่ากันหลายเท่า
นั่นเพราะใคร ๆ ก็อยากได้รอยยิ้มเฉพาะสำหรับเขาทั้งนั้น ต้องยิ้มด้วยความจริงใจตามกาลเทศะด้วย การยิ้มแห้ง ๆ ยิ้มแหย ๆ หรือ ฉีกยิ้มไปเรื่อยเป็นอะไรที่เด็กก็ดูออก ดังนั้นจงให้การยิ้มช่วยสร้างเสน่ห์และความเป็นมิตรให้จะดีกว่าการยิ้มทิ้งยิ้มขว้างไปวัน ๆ นะ
เคล็ดลับ#2 สายตาจิก แน่นอนว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ สายตาที่เราจ้องมองกันโดยธรรมชาติจะทำให้สมองของมนุษย์เกิดปฏิกิริยาทั้งทางร่างกายและทางจิตใจได้ การมองตาจึงเป็นการสร้างความประทับใจที่ทรงอนุภาพไม่แพ้การยิ้มเลยทีเดียว
การใช้สายตาจิกนั้นสามารถทำได้ทั้งในตอนสนทนากัน ด้วยการมองตาคู่สนทนาเราอย่างเหมาะสมจะเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจที่ดี ว่าแต่ฟังแล้วก็ต้องโต้ตอบหรือแลกเปลี่ยนด้วยนะ ใช้สายตาให้เหมาะว่าเป็นบริบทของงาน การสร้างเครือข่าย หรือ การออกเดท อย่ามั่วหรือสลับวิธีการใช้สายตาเด็ดขาด ไม่งั้นจะนำมาซึ่งความวุ่นวายอีกเยอะ
การใช้สายตาอาจจะใช้ในระหว่างที่สนทนากันเป็นกลุ่มก็ได้ กล่าวคือเวลาที่เราต้องการสร้างความประทับใจให้ใครสักคนหนึ่ง เราสามารถมองตาเขาในขณะที่ “คนอื่น” กำลังพูด ทำเป็นระยะ ๆ รักษาระดับให้เหมาะสม เพราะถ้ามากไปจะเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ที่นั่งคุยกันอยู่ในที่นั้นทั้งหมด
สำหรับกรณีของผู้ชายกับผู้ชายควรลดระดับการมองลงจากระดับที่ผู้ชายมองคู่สนทนาที่เป็นผู้หญิง ไม่งั้นอาจจะได้คู่ชก อืมม... หรือคู่เดทแบบไม่ตั้งใจก็ได้
เคล็ดลับ#3 บุคลิกเป๊ะ ผมเคยเรียนเรื่องการนำเสนองานอย่างมืออาชีพ ได้เคล็ดลับสำคัญว่าใน 3Vs ซึ่งประกอบด้วย Voice, Verbal and Vision นั้นตัวสุดท้าย คือ Vision หรือ ภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่าการทำตัวให้เป๊ะเป็นสิ่งที่จะเสริมให้เคล็ดลับอื่น ๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอย่างน่าประหลาด
การทำตัวให้เป๊ะต้องเริ่มจาก “ตัว” ของเราจริง ๆ ก่อน การออกกำลังกายคือกุญแจสำคัญของการมีบุคลิกภาพที่ดี เพราะคนที่หลังตรง สง่าผ่าเผย และ เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจสะท้อนถึงวินัยในการควบคุมตนเอง ซึ่งเป็นความน่าเชื่อถือที่รับรู้ได้ในทันที
เป๊ะต่อมาคือเรื่องการแต่งกายและการวางท่าทางที่เหมาะสม แน่นอนต้องเหมาะกับสถานที่ บุคลิก และ คนที่เราจะต้องได้พบด้วย เกณฑ์ง่าย ๆ แบบไทย ๆ เราก็เอาให้ใกล้แต่รองจากเจ้าของบ้านเขาหน่อยกำลังงาม เช่น บางองค์กรการใส่สูทประชุมเป็นเรื่องจำเป็นแต่บางองค์กรเป็นเรื่องตลก อันนี้อาจจะต้องสืบก่อนถ้าเป็นนัดที่สำคัญ
เคล็ดลับ#4 เอ๊ะสม่ำเสมอ หลายครั้งที่การสร้างความประทับใจมักจะเป็นการเจอกันครั้งแรก แน่นอนการมีเรื่องราวบางอย่างให้เราได้คุยต่อหลังจากที่เรายิ้มให้แล้วดูเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับบางคน หนัก ๆ กลายเป็น Dead Air ไปซะงั้น บางคนดันเริ่มที่อะไรที่มันนำไปสู่ความกร่อย เช่น อากาศร้อน รถติด ก็แล้วไง มันไม่มีอะไรให้ไปต่อ
ดังนั้นง่ายที่สุดคือการฝึกให้เรา “เอ๊ะคนอื่น” มองหาอะไรที่นำไปสู่ความสนใจของคนที่เราต้องผูกมิตรด้วย เช่น ถามเรื่องงาน เรื่องงานอดิเรก อาจจะต้องสังเกตอะไรที่มาด้วย เช่น เข็มกลัด ตราสัญลักษณ์บนเสื้อ ที่นำไปสู่การพูดคุย เพราะใครก็ตามที่เล่าอะไรออกมาเราจะฟังได้ออกว่าจะต่อเรื่องคุยไปยังไง
แผนสำรองคือเราต้องมีอะไรที่ทำให้ “คนอื่นเอ๊ะ” ด้วย หาอะไรที่สามารถเป็นเรื่องเริ่มต้นของการพูดคุยติดไม้ติดมือไป เพราะไม่ใช่มีแต่เราที่อยากคุยกับคนอื่น หลายครั้งก็มีหลายคนอยากมาคุยกับเรานะ ดังนั้นเผื่อ ๆ ไว้นิดนึงก็ไม่เลว
เคล็ดลับ#5 เจอความเด็กที่ซ่อนอยู่ สิ่งที่เราไม่ค่อยทราบคือคนเราไม่ว่าจะอายุมากเท่าไหร่ ความเป็นเด็กในวันนั้นของเขาไม่มีวันหายไปไหน แน่นอนเพื่อนที่เราทุกคนในโลกนี้สนิทอย่างไม่เคยต้องไว้ท่าด้วยมักเป็นเพื่อนวัยเรียนทั้งนั้น
ดังนั้นเราต้องหาและค่อย ๆ สื่อสารกับความเป็นเด็กในตัวเขาไปทีละน้อย คุยเหมือนกับที่เราเห็นเด็กคนหนึ่งด้วยกรอบคำพูดแบบผู้ใหญ่ น้ำเสียงที่เรามองหาความเป็นเด็กจะเป็นน้ำเสียงที่ช่วยเปิดประตูของการสนทนาให้สนุกขึ้น ยาวนานขึ้น และ มีความเป็นมิตรมากขึ้น
ในขณะเดียวกันการเปิดเผยความเป็นเด็กบางอย่างในตัวเรา ก็เป็นการสร้างความคุ้นเคยได้อย่างราบรื่น ช่วยสร้างความไว้ใจและทำให้บรรยากาศผ่อนคลายกลายเป็นมิตรภาพในแบบที่เป็นธรรมชาติกว่าเป็นไหน ๆ
บางครั้งการเจอกันครั้งแรกยังไม่ต้องวกเข้าเรื่องงานอะไรก็ได้ เพราะคนเราถ้าจะรู้จักกันเรารู้จักกันยาวอยู่แล้ว แต่ความจริงใจที่ให้กันแต่แรกพบต่างหากคือจุดเริ่มความสัมพันธ์ที่ดี เพราะคุณผู้อ่านก็ได้เพื่อนใหม่แล้วแน่นอน
เป็นไงบ้างสำหรับเคล็ดลับในการสร้างความประทับใจที่สามารถไปฝึกทำได้ง่าย ๆ ไม่จำเป็นต้องรอ “คนที่ไม่รู้จัก” นะ เริ่มฝึกกับเพื่อน ๆ เราที่ทำงาน เพื่อนที่เรียน หรือ ที่ไหน ๆ ที่เราต้องเจอเขา แล้วคุณผู้อ่านจะพบว่าตัวเองเป็นที่รักของคนรอบข้างได้ไม่ยากเลย
สำหรับ Ministry of Learning สัปดาห์นี้ก็สมควรแก่เวลาแล้ว ขอให้มีความสุขกับการสร้างโอกาสดี ๆ ในชีวิต แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดี
เขียนโดย
คุณโชดก ปัญญาวรานันท์
ที่ปรึกษาอาวุโส โปรแกรมนวัตกรรมการศึกษา
สถาบันคีนันแห่งเอเซีย