อิสรภาพทางการเงินคืออะไร
คำนี้คุณครูหลายๆ ท่านคงเคยได้ยิน แต่ยังไม่คุ้นเคยนัก อิสรภาพทางการเงิน หมายถึง
สถานะความมั่งคั่งของบุคคลนั้น ที่สามารถมีรายได้เลี้ยงชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องทำงาน
สำหรับบุคคลที่บรรลุอิสรภาพทางการเงินนั้น สินทรัพย์จะสร้างรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย
ตัวอย่างเช่น ถ้าบุคคลนั้นมีค่าใช้จ่ายรายเดือน 30,000 บาท
เขาได้รับเงินปันผลจากหุ้น บ้าน หรือคอนโดที่ให้เช่า
หรือได้รับรายได้จากสินทรัพย์ที่สร้างรายได้อื่นๆ รวมแล้ว 40,000 บาทต่อเดือน
ภายใต้สถานการณ์นี้กล่าวได้ว่า บุคคลนี้บรรลุอิสรภาพทางการเงิน ทั้งนี้ การบรรลุอิสรภาพทางการเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรือเงินที่หามาได้ หากเพียงสามารถมีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย
ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ดังนั้นการบรรลุอิสรภาพทางการเงินจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละบุคคล
อ่านถึงตรงนี้ คุณครูหลายๆ ท่าน คงเริ่มอยากจะบรรลุอิสรภาพทางการเงินบ้างแล้ว
แต่สำหรับคุณครูบางท่านที่ ณ ตอนนี้ยังมีภาระหนี้สินอยู่อาจคิดว่า แล้วจะบรรลุอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร
ช่างเป็นเป้าหมายที่ไกลเกินฝันเหลือเกิน ในความเป็นจริงแล้ว เป้าหมายในการมีอิสรภาพทางเงินนี้
ทางผู้เขียนขอยืนยันว่าเป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ และจะบรรลุได้ง่ายยิ่งขึ้น
หากเริ่มมีการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน ซึ่งคุณครูที่เข้าร่วมอบรมในโครงการ
“ครูไทย พอเพียง” กับทางสถาบันคีนันแห่งเอเซีย (สถาบันฯ) ย่อมได้รับความรู้เรื่องการบริหารการเงินมาบ้างไม่มากก็น้อย
หนึ่งในเรื่องการวางแผนทางการเงินที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ
หรือเรียกได้ว่า มาเป็นอับดับหนึ่งเลยก็คือ การบริหารหนี้สินอย่างมืออาชีพ
ในกรณีที่เรามีหนี้สินมากเกินความสามารถที่จะจ่าย เราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการบริหารหนี้อย่างมืออาชีพ
ซึ่งมีหลักดังนี้
1. การย้ายหนี้ไปยังสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า
เช่น การที่คุณผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 7 % ต่อปี
คุณอาจรีไฟแนนซ์ไปยังสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยเข้าไปขอสินเชื่อในงาน
Money Expo ที่มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เสนอให้กับผู้กู้ หรือ
การโอนหนี้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเกินที่กฎหมายกำหนด โดยใช้สินเชื่อจากบัตรเครดิตที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าแทน
2. การรวมหนี้ไว้เพียงที่เดียว
หลายๆ คน พอเปิดกระเป๋าเงินดูพบว่ามีบัตรเครดิตหลายใบ และมีการนำสินเชื่อจากบัตรเครดิตใบใหม่ไปจ่ายขั้นต่ำในบัตรเครดิตใบเก่า
นำบัตรเครดิตใบหนึ่งไปจ่ายอีกใบหนึ่ง จึงทำให้วนเวียนอยู่ในวงจรหนี้ของบัตรเครดิต
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คงต้องหาทางเคลียร์หนี้สินโดยใช้วิธีรวบรวมหนี้จากบัตรเครดิตหลายๆ
ใบ รวมไว้ที่บัตรใบเดียว จากนั้นก็ต่อรองระยะผ่อนชำระคืนให้ยาวขึ้น
โดยยอดชำระต้องต่ำกว่ายอดชำระขั้นต่ำเดิม แล้วให้หักบัตรเครดิตที่เหลือทั้งหมด
ให้เหลือบัตรเครดิตเพียงใบเดียวไว้ใช้ และในระหว่างนี้ คงต้องหยุดก่อหนี้ใหม่
รวมทั้งลดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้น้อยที่สุดอีกด้วย
3. หากคุณมีหนี้อยู่
หน้าที่หลักที่พึงระลึกเสมอ คือ ผ่อนจ่ายให้มากที่สุด เพื่อลดเงินต้น
เพราะดอกเบี้ยทำงานทุกวัน ไม่หยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือ แม้แต่เวลาที่คุณกำลังนอนหลับ
อ่านมาถึงตรงนี้
คุณครูอย่าเพิ่งเครียดครับ ลองนำวิธีการบริหารหนี้แบบต่างๆ ไปปฏิบัติดู หากพบปัญหาหรือมีข้อสงสัยในเรื่องการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล
ทางทีมที่ปรึกษาทางการเงินของสถาบันคีนันแห่งเอเซียยินดีให้คำปรึกษา โดยสามารถติดต่อกับเราได้ที่อีเมล์
fas@kiasia.org
ทั้งนี้
เพื่อสร้างให้เกิดความรู้และความเข้าใจในเรื่องการบริหารจัดการทางการเงินมากยิ่งขึ้น
ทางสถาบันฯ จะมีการเผยแพร่ความรู้ในเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคลผ่านทาง Blog ของสถาบันฯ ซึ่งใน Blog ต่อไป จะนำเสนอเรื่อง การออมเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในการวางแผนทางเงินที่สำคัญมาก
ดังนั้น โปรดติดตามกันนะครับ
No comments:
Post a Comment